News

          แน่นอนว่า ในโลกที่เผชิญกับความวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะด้านสุขภาพ องค์กรและบริษัท จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานได้อย่างไร ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า หลายบริษัทก็มีประกันโรคโควิดให้ส่วนหนึ่ง แต่ในหลายๆ ที่ ก็มักจะมีประกันสุขภาพอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่จะดูแลเอาใจใส่พนักงาน ให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นโรคจากสถานการณ์โรคระบาด หรือโรคที่เกิดจากการทำงาน องค์กรควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ประโยชน์ของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี           แน่นอนว่า การดูแลสุขภาพของพนักงาน คือการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในระหว่างทำงานให้กับพนักงานด้วย ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัย และมีความมั่นคงในชีวิต ข้อดีของการดูแลสุขภาพของพนักงาน มีดังนี้ สวัสดิการเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน ควรได้อะไรบ้าง           นอกจากการดูแลสุขภาพ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ก็ยังมีสวัสดิการอื่นๆ ที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ในที่ทำงานด้วย ซึ่งสวัสดิการเหล่านั้น ได้แก่ สวัสดิการด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีในที่ทำงาน เป็นสิ่งจำเป็นในการส่งเสริมความสุขของพนักงาน ดังนั้น ถ้าอยากให้พนักงานรักองค์กร และทุ่มเทการทำงานแบบระยะยาว ก็ควรใส่ใจด้านสุขภาพและความสุขของพนักงานให้ดีที่สุด หากใครสนใจที่จะเรียนรู้ด้านสวัสดิการสุขภาพพนักงาน เชิญมารับฟัง หัวข้อ “How to Ensure Health & Wellbeing at […]

          เชื่อว่าหลายองค์กรต้องรู้จักกับคำว่า Sustainability หรือ ความยั่งยืน ที่กำลังเป็นเทรนด์ของหลายบริษัทเลยตอนนี้ จากที่มุ่งเน้นแค่กำไรเท่านั้น ก็หันมาใส่ใจกับความเป็นอยู่ในสังคม ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งมันเป็นข้อดีของการสร้างประโยชน์ในวงกว้าง ทำให้บริษัทเติบโตได้ในระยะยาว ประกอบกับเทรนด์ของ ESG ที่ใส่ใจรอบด้านทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล ก็จะช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายของบริษัทได้ดีขึ้น จากความยั่งยืนและ ESG จึงเป็นส่วนจำเป็น ที่ HR จะต้องเข้าใจ และนำมาใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนในองค์กรที่แท้จริง ความหมายของ Sustainability และ ESG           Sustainability หรือ ความยั่งยืน เป็นการมุ่งพัฒนาและรักษาสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถดำรงต่อไปได้ยังอนาคตอย่างมีเป้าหมาย โดยไม่กระทบกับคนรุ่นหลังในภายหน้า ช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม           ESG เป็นแนวคิดที่สนับสนุนเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน ย่อมาจาก E=Environment, S=Social, และ G=Governance โดยเน้นใช้ทั้ง 3 ส่วนนี้ ในการลงทุน และให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและสังคม           ดังนั้นทั้ง 2 คำนี้

ต้องบอกเลยว่า ในโลกยุคดิจิทัล มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยรองรับการทำงานมากขึ้น การจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการทำงานต่อไปนั้น จะต้องอาศัยข้อมูลที่มีคุณภาพ เลยต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analytics เข้ามาช่วย หลายองค์กรรับตำแหน่งนี้เข้ามา เพื่อช่วยให้ข้อมูลที่มี ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนี่คือกลยุทธ์อย่างหนึ่ง ของ HR ที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนการตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคลด้วยข้อมูล Data Analytics คืออะไร?           Data Analytics คือ การวิเคราะห์ข้อมูล ที่มีตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน และยังสามารถนำข้อมูลมาใช้เป็นตัวแปร เพื่อวิเคราะห์ผลสำเร็จในอนาคตได้ การใช้ข้อมูลมีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาองค์กร และการตลาด รวมถึงงานอื่นๆ จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือทางธุรกิจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ ถ้าไม่รู้ข้อมูล บริษัทก็จะงมเข็มความสำเร็จไม่เจอ ซึ่ง Data Analytics เป็นข้อมูลที่วิเคราะห์ออกมาแล้ว จะได้ทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจไปในทิศทางที่ถูกต้อง HR จะใช้ Data Analytics มาเป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรได้อย่างไร?           แน่นอนว่า การขับเคลื่อนให้องค์กรประสบความสำเร็จแบบยั่งยืนนั้น ต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างมาเป็นส่วนประกอบ

สร้างสมดุลในองค์กร ด้วยระบบค่าตอบแทนที่ใส่ใจพนักงาน           องค์กรดี พนักงานก็อยากทำงานด้วย และถ้าค่าตอบแทนดีด้วย พนักงานก็ยิ่งอยากอยู่ด้วยกันไปยาวๆ แน่นอนว่าทุกบริษัทมีค่าตอบแทน เงินเดือน สวัสดิการที่แตกต่างกันออกไป บางที่ให้ไม่เยอะ บางที่ก็ให้เยอะมากจนหลายคนต้องยกนิ้วให้ ว่าบริษัทนี้ตอบแทนพนักงานได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ดังนั้น ทุกบริษัท ถ้าจะซื้อใจพนักงาน นอกจากจะได้พนักงานที่ดี ตอบโจทย์แล้ว หากสร้างสมดุลในองค์กร ด้วยระบบค่าตอบแทนที่ใส่ใจพนักงานด้วย ก็ยิ่งทำให้พนักงานรักองค์กร และพร้อมขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้ามั่นคงต่อไปได้ เรามาดูกันว่า ระบบค่าตอบแทนที่สมดุลกับชีวิตพนักงาน ควรมีหลักอะไรบ้าง ค่าตอบแทนคืออะไร?           ค่าตอบแทน (Compensation) คือ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ที่องค์กรจะต้องจ่ายให้พนักงาน ทั้งในแบบที่เป็นตัวเงินประจำ เงินพิเศษ หรือเป็นค่าตอบแทนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อเป็นการตอบแทน ในความตั้งใจของพนักงาน ที่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ สร้างแรงจูงใจให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงาน โดยการกำหนดค่าตอบแทน มีหลักการ ดังนี้ สำหรับระบบค่าตอบแทนแล้ว แต่ละที่ ก็ต้องมีการกำหนดที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญเลย คือต้องสร้างสมดุลของค่าตอบแทนให้กับพนักงาน และการเติบโตขององค์กรได้ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย หากใครสนใจที่อยากเรียนรู้และเข้าใจการสร้างสมดุลในองค์กร ด้วยระบบค่าตอบแทนที่ใส่ใจพนักงาน เชิญมารับฟัง หัวข้อ

ขับเคลื่อนด้านทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพด้วย OKR           เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมา หลายองค์กร ได้นำเทรนด์ของ OKR มาใช้ เพราะเป็นเครื่องมือการวัดผลแบบใหม่ ที่ได้ประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายได้ชัดเจนกว่า KPI ซึ่งเริ่มต้นใช้จากองค์กรต้นแบบไม่ว่าจะเป็น Google, Intel  และบริษัทอื่นๆ ทำให้ตอนนี้ทั่วโลกปรับตัวใช้ OKR กันแทบทุกที่ เรามาดูกันว่า OKR  จะช่วยขับเคลื่อนด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร OKR คืออะไร?           ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อน OKR หรือ Objectives and Key Results เป็นวิธีการตั้งเป้าหมายให้กับคนทำงาน ไปจนถึงองค์กร ให้มีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน โดยใช้จุดประสงค์ของการทำงาน ที่มุ่งไปยังผลลัพธ์เป็นหลัก และกำหนดออกมาให้กลายเป็นค่าของความสำเร็จที่วัดผลได้จริง ระบบ OKR ดีกว่า KPI อย่างไร? ขับเคลื่อนระบบ OKR ในองค์กรควรทำอะไรบ้าง? 1. ปรับ Mindset ของพนักงานและองค์กร โดยต้องปรับให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า จุดประสงค์ของ OKR มีอะไรบ้าง ทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพในองค์กร และวัดผลพนักงานได้

          การเรียนรู้ ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกคนสามารถเรียนรู้ทุกทักษะที่ตัวเองสนใจได้ตลอดชีวิต หลายครั้งเราอาจจะมองว่า ต้องมีเพียงปริญญาเท่านั้น แต่ยุคปัจจุบัน ที่เป็นโลกยุคดิจิทัล เราสามารถเรียนรู้จากที่ไหนก็ได้ ผ่านโลกออนไลน์ ความรู้ที่อัดแน่นเต็มไปหมด ทั้งคอร์สเรียน หรือ มานั่งเทรนนิ่งกับโค้ชตัวจริง ก็สามารถทำให้เรามีทักษะที่พัฒนาขึ้นมาได้จนถึงขีดสุด           เราจะมาดูกันว่า ในปี 2024 นี้ พื้นที่แห่งใหม่ ที่เราสามารถเรียนรู้ทักษะรอบด้านได้ มีแบบไหนกันบ้าง สำหรับวัยทำงานแล้ว การเรียนรู้ สามารถสร้างได้ตลอดเวลา ยิ่งมีฝ่ายฝึกอบรม ที่เทรนนิ่งเก่งๆ มาช่วยสอน ก็ยิ่งพัฒนาบุคลากรให้ก้าวหน้าทางสายอาชีพได้ไม่ยาก นอกจากนี้สิ่งที่ทุกคนต้องมี คือ ทักษะการเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล ซึ่งจะทำให้กลายเป็นบุคลากรที่เติบโตในสายงานในอนาคตได้ หากใครสนใจเปิดประสบการณ์กับพื้นที่การเรียนรู้แห่งใหม่ ที่สามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต ด้วยทักษะจำเป็นในยุคนี้ เชิญมารับฟัง หัวข้อ “The New Landscape in Learning and Development 2024 and Beyond” งานนี้ พบกับ คุณอารีย์ วงศ์ข้าหลวง รองผู้บริหารสำนักพัฒนาศักยภาพบุคลากรและความก้าวหน้าทางสายอาชีพ บริษัท

การสรรหาบุคลากรแบบดิจิทัล ดียังไง?           หากมองย้อนกลับไปในอดีต เราจะเห็นประกาศการรับสมัครงาน ติดอยู่ตามสถานที่ หน้าร้าน บริษัท และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ การส่งใบสมัคร ก็ทำได้เพียง Walk-in หรือส่งไปรษณีย์ มีการเรียกสัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ หรือจดหมายตอบรับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน เมื่อโลกอยู่ในยุคดิจิทัล การสรรหาบุคคลากรทำงาน ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็เข้าถึงแหล่งการรับสมัครงานได้ แค่มีอินเทอร์เน็ต เลือกงานที่สนใจ คลิก และส่ง Resume ก็รอการพิจารณาจากบริษัทได้เลย           บริษัทส่วนใหญ่ เลือกที่จะสรรหาบุคลากรแบบดิจิทัลทั้งหมดแล้ว เพราะมันง่าย สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงข้อมูลบุคคลได้แค่ไม่กี่วินาที  การโพสต์รับสมัครงาน ก็ทำได้ผ่านเว็บรับสมัครงานออนไลน์ และสื่อโซเชียลต่างๆ รวมถึงการสัมภาษณ์งานเดี๋ยวนี้ บางที่แทบไม่ต้องเดินทางมาสัมภาษณ์ที่บริษัทให้เสียเวลา เลือกสัมภาษณ์ผ่าน VDO Call โดยโปรแกรมต่างๆ เยอะขึ้น ข้อดีของการใช้ช่องทางดิจิทัลสรรหาบุคลากร 5 เครื่องมือการสรรหาบุคลากรดิจิทัลที่จำเป็น           เพื่อให้การสรรหาบุคลากร เป็นไปได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำ 5 เครื่องมือในยุคดิจิทัล ที่จำเป็นในการเลือกพนักงาน สำหรับทีม

ทักษะจำเป็นแห่งโลกอนาคตสำหรับ HR           คนที่จะเติบโตในสาย HR หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้นั้น จะต้องมีการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายขององค์กร และช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ การเพิ่มทักษะที่จำเป็น จะทำให้ HR มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับทรัพยากรบุคคล การสร้างกลยุทธ์ การทำงานเป็นทีม การรายงานผล และต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างและรักษาพนักงานให้โดดเด่น แข็งแกร่ง อยู่กับองค์กรไปนานๆ เรามาดูกัน ว่าทักษะอะไรบ้าง ที่ HR จำเป็นต้องเรียนรู้สำหรับอนาคต รู้แบบนี้แล้ว HR ต้องเตรียมตัว สำหรับเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ให้ครบถ้วน เพื่ออนาคตการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อองค์กร และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลอย่างสมบูรณ์ พบกันที่งาน Thailand HR Day 2023 16-17 พฤศจิกายน 2023 ณ Centara Grand at Central Plaza Ladprao Bangkok ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://ldforum.pmat.or.th/     #ThailandHRDay2023 #PolycrisisManagement #HRParadoxes

ความเชื่อมโยงกัน ระหว่าง HR และ CEO           แน่นอนว่า การเป็น HR หรือฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล จะต้องมีความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นทั่วองค์กร แต่ความสัมพันธ์หนึ่ง ที่คนเป็น HR จะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก คือ การกระชับความสัมพันธ์ที่ดี กับ CEO หรือ ประธานบริษัท เนื่องจาก CEO เป็นผู้กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ ส่วน HR จะเป็นผู้เลือกและสร้างบุคลากรที่มีความสามารถขึ้นมา เพราะบุคลากรที่มีความสามารถ จะส่งผลให้งานขององค์กรบรรลุเป้าหมาย เรามาดูกันว่า ทำไม HR กับ CEO ถึงมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน ทำไมความสัมพันธ์ของ HR กับ CEO จึงสำคัญ? HR จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ CEO ได้อย่างไร?           HR ต้องสำรวจว่า CEO ของบริษัท สามารถสร้างความเท่าเทียมให้กับพนักงานในตำแหน่งสำคัญ และพนักงานทั่วไปได้อย่างไร เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีความสุข และเชื่อฟัง CEO ขององค์กร

ผู้นำที่ดีในสายตาของคุณคืออะไร? การที่คุณได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ในการแสดงความคิดเห็นและความสามารถอย่างเต็มที่ จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขใช่หรือไม่ การที่ได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม และการถูกให้เกียรติที่ดี ย่อมทำให้เกิดคุณค่า และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แน่นอนว่า แต่ละองค์กร จะต้องมีผู้นำที่ช่วยขับเคลื่อนเพื่อนร่วมทีม ให้ทำงานออกมาเป็นผลสำเร็จ ไม่ใช่การทำงานเพียงคนเดียว แล้วใช้อำนาจของตัวเองในการสั่งเท่านั้น จริงอยู่การมีตำแหน่งผู้นำ ย่อมต้องทำให้ทุกคนยำเกรง แต่หากผู้นำส่วนใหญ่ สามารถสร้างตัวเองให้ผู้ร่วมงานรู้สึกดี และทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมด้วยกันมากขึ้น ทุกคนก็ย่อมกล้าคิด กล้าทำ ทุ่มเทงานให้ออกมาได้ตามเป้าหมาย ช่วยยกระดับให้กับองค์กรเติบโตไปได้อีก ด้วยกำลังคนที่ร่วมแรง ระดมสมองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ภาวะการเป็นผู้นำ ยังครอบคลุมถึงความสามารถที่สำคัญ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในการช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้ากับทุกคนในองค์กร รวมถึงการทำงานกับลูกค้า การมีแนวคิดเชิงบวก และความสามารถที่ควรมีในลักษณะของผู้นำ  6 ประการ ได้แก่ แน่นอนว่า ทั้ง 6 ประการนี้ ความเป็นผู้นำต้องมีในตัว และหากใครถามว่า ลักษณะไหนสำคัญที่สุดของการเป็นผู้นำ ก็ต้องเป็นเรื่องของความมุ่งมั่นก่อนเลย เพราะการจะเป็นผู้นำ ถ้าไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในหน้าที่ของตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว อีก 5 ลักษณะที่เหลือ ก็คงจะพัฒนาต่อไม่ได้ ในแง่ของผู้ร่วมงาน ที่มีผู้นำเอง สิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องการจากผู้นำ คือการไม่แบ่งแยก ไม่ถูกผู้นำอคติส่วนตัว สามารถแสดงความคิดเห็น